ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
พญาครุฑ หลวงพ่อโอภาสี ขนาดบูชา พอเหมาะ ปีกกว้างประมาณ 12 ซ.ม.เนื้อดินเผาผสมผงพุทธคุณ ดินเผาสุกเต็มที่แข็งแกร่งมาก เคาะจะได้ยินเสียง เนื้อดินเผาดังกังวาน แกร๊งๆ ชัดเจน เป็นพญาครุฑ หลวงพ่อโอภาสี ตัวจริง เสียงจริง ศิลปะฝีมือเก่าสุดสวยมีรายละเอียดสูง ได้สัดส่วน ลงสีฝุ่นเก่า มากๆ จนสีซีดจางมากๆ ตามธรรมชาติ ซึ่งเคมีทางวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถจะกระทำได้ ด้าน หลังพญาครุฑ ทาสีแดงซีด จารมือตัว อ มีเส้นขีดรัศมีล้อมรอบ ตัว อ ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ ประจำตัว หลวงพ่อโอภาสี เขียนคาถา คำว่า อิติสุคโต อะระหังพุทโธ ตรงกลาง จารเป็นสัญญาลักษณ์ เครื่องหมายสวัสดิกะ และ จาร ยันต์ต่างๆ รอบๆเครื่องหมายสวัสดิกะ ด้านล่าง เขียน พ.ศ.๒๔๙๗ หายาก ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน เก่าถึงยุค 100% เมื่อได้เห็นองค์จริง จะต้องพึงพอใจแน่นอน ทำแท่นแป้นไม้ สำหรับติดตั้งพญาครุฑ หลวงพ่อโอภาสี ไว้บูชาคุ้มครอง ที่บ้าน หรือ ติดรถยนต์ ยานพาหนะ ไว้บูชาคุ้มครอง ได้เป็นอย่างดี 

พุทธคุณแห่งอำนาจและบารมีพญาครุฑสามารถจำแนกได้ถึง ๘ ประการ โดยนับเอาอำนาจหลัก ๆ ได้ดังนี้คือ 
๑. เป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ เป็นสิทธิอำนาจอันเฉียบขาด 
๒. สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสย์ทั้งปวง ภูติผีปิศาจกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ 
๓. เป็นสื่อนำความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตหน้าที่การงาน 
๔. ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัยเป็นคงกระพัน 
๕. เป็นเมตตามหานิยม 
๖. นำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้ 
๗. ทำมาค้าขายดีเป็นสื่อนำโชคลาภนานาประการ 
๘. สัตว์ร้าย เขี้ยวงาสารพัด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้ เพราะเกรงตบะบารมีขององค์พญาครุฑเป็นที่สุด

หลวงพ่อโอภาสี'พระผู้สำเร็จ'เตโชกสิณ'
'หลวงพ่อโอภาสี'อาศรมบางมด พระอภิญญาผู้สำเร็จ'เตโชกสิณ' 
สมัยเมื่อประมาณปี ๒๔๘๕ ย่านบางมด ฝั่งธนบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยสวนส้มอันขึ้นชื่อ ที่เรียกกันว่า "ส้มบางมด" ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินธุดงค์มาปักกลด ด้วยปฏิปทาอันน่าศรัทธาเลื่อมใสชาวบ้านจึงพากันไปกราบไหว้เป็นประจำ จนเศรษฐีเจ้าของที่ดินได้ยกที่ดินให้สร้างเป็น อาศรมบางมด และได้นิมนต์ให้ท่านอยู่เป็นการถาวร 

นี่คือจุดเริ่มต้นของที่มาแห่งพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งของเมืองไทย คือ หลวงพ่อโอภาสี พระภิกษุผู้มีอิทธิปาฏิหาริย์เป็นที่กล่าวขวัญอย่างกว้างขวาง รวมทั้งวัตถุมงคลหลากหลายรูปแบบของท่านที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังทางด้านพุทธคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอยู่ยงคงกระพันชาตรี หรือเมตตามหานิยม และที่ยอมรับกันเป็นอย่างมาก คือ การค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง จนเรียกได้ว่าท่านเป็นพระอาจารย์รูปหนึ่งที่มีชาวไทยเชื้อสายจีน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ประกอบกิจการค้าขาย นับถือท่านเป็นที่สุด เพราะเชื่อกันว่า ได้กราบไหว้ขอพรจากท่านแล้ว จะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของธุรกิจการค้า จะเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นตลอดเวลา

ประวัติหลวงพ่อโอภาสี ท่านมีนามเดิมว่า “ชวน มะลิพันธุ์” เป็นชาวจ.นครศรีธรรมราช เกิดที่ อ.ปากพนัง เมื่อปี ๒๔๔๑ เมื่อโตขึ้นได้เล่าเรียนเขียนอ่านและได้บวชเป็นสามเณรที่วัดโพธิ์ ในเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมที่ ๖ ท่านได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ญาติได้นำไปฝากไว้กับ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ได้บวชเป็นพระภิกษุ โดยมี สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ 

หลังจากบวชแล้ว หลวงพ่อได้ศึกษาเพิ่มเติมต่อที่วัดบวรฯ จนสอบได้เปรียญ ๕ ประโยค หลังจากนั้นท่านได้หันไปสนใจด้านวิชาอาคม และได้เดินธุดงค์ไปเรียนวิชาอาคมต่างๆ จากหลายพระอาจารย์ เป็นเวลานานเกือบ ๒๐ ปี โดยพระอาจารย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนวิชานานที่สุด คือ หลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา จ.นครนายก ทำให้ท่านดำเนินรอยตามวิชาของอาจารย์ท่าน คือ บูชาเพลิงเป็นการศึกษาเรื่องเพ่งกสินไฟ เพื่อให้จิตใจสงบนิ่ง และหลุดพ้นจากกิเลสต่างๆ ด้วยการนำสิ่งของทุกอย่างที่ได้รับมาโยนเข้ากองไฟหมด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีมูลค่ามากมายเพียงใดก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นในวิชาที่เรียน ทำให้ท่านมีจิตใจที่กล้าแกร่ง วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาจึงเข้มขลัง 

จากการที่ท่านได้กลับมาอยู่วัดบวรฯ อีกครั้งหนึ่ง และได้ทำพิธีบูชาเพลิง ทำให้ไม่สะดวกในการประกอบพิธี เพราะเริ่มมีลูกศิษย์ที่นับถือต่างเดินทางมาหาท่านที่วัดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนได้พบเห็นปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่หลวงพ่อได้ช่วยเหลือในหลายๆ เรื่อง ท่านเห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในวัดหลวงแห่งนี้ต่อไป จึงได้เดินทางธุดงค์ไปอยู่ที่ย่านบางมด ก็ยังลูกศิษย์ติดตามไปทำบุญกับท่านมากมายเหมือนเดิม 

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านในพื้นที่ก็ให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อมาก จึงได้สร้างสำนักสงฆ์อาศรมบางมด ขึ้นถวายท่านให้อยู่อย่างถาวรสืบไป ทำให้สำนักสงฆ์แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ จนถึงทุกวันนี้ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น วัดหลวงพ่อโอภาสี ด้วยมีผู้นับถือเดินทางมาหาขอให้ท่านช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อได้เมตตาสงเคราะห์ให้ตามที่เห็นสมควร ผู้คนที่มาขอให้หลวงพ่อช่วยเป็นที่พึ่ง มีทั้งชาวบ้านชาวสวน รวมถึงคหบดี เจ้าสัวจากย่านเยาวราช สำเพ็ง บางลำพู ฯลฯ แม้แต่เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เช่น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ได้ไปกราบไหว้ท่าน พร้อมทั้งร่วมทำบุญสร้างวัดกับท่านเป็นประจำ 

สำหรับเรื่องการบูชาเพลิงนั้น นับเป็นเรื่องที่สร้างความสงสัย และเป็นปาฏิหาริย์ที่มีผู้ประสบกับตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะถวายสิ่งของมีค่าใดๆ ให้ท่าน หลังจากนั้นไม่นานการงานการค้าจะเจริญด้วยดี เงินทองจะเพิ่มพูนขึ้นจนน่าแปลกใจ แต่ถ้าผู้ใดเกิดเสียดายของ เวลาที่เห็นท่านโยนเข้ากองไฟ เมื่อกลับมาถึงบ้าน จะเห็นสิ่งของหรือเงินที่ถวายแล้วท่านเผาไฟกลับมาอยู่ภายในบ้านได้เองอย่างมหัศจรรย์ เรื่องนี้เป็นที่ร่ำลือต่อๆ กันมา ในแต่ละวันจะมีผู้คนจำนวนมาก ไปกราบไหว้และร่วมทำบุญกับหลวงพ่อตลอดเวลา 

ความมหัศจรรย์ที่เกี่ยวกับหลวงพ่อโอภาสี ที่มีผู้พูดถึงกันเสมอๆ คือ การเดินทางไปปรากฏตัวในที่ต่างๆ ของหลวงพ่อ ในวันเวลาเดียวกัน มีผู้พบเห็นท่านในหลายจังหวัดพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่สมัยก่อนการเดินทางไปแต่ละจังหวัดต้องใช้เวลานาน บางแห่งใช้เวลาเป็นวันก็มี เรื่องราวปาฏิหาริย์เช่นนี้มีผู้กล่าวถึงเป็นประจำ

หลวงพ่อโอภาสี มรณภาพเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๘ ปัจจุบันวัดหลวงพ่อโอภาสียังมีประชาชนมากราบไหว้สรีระของท่านอยู่เสมอๆ เพื่อขอพรให้หลวงพ่อช่วยเหลือในเรื่องการค้าการขาย ซึ่งมักจะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอ นับได้ว่าแม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว ก็ยังเป็นที่พึ่งของลูกศิษย์ตลอดเวลา

ด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อโอภาสี ได้สร้างแจกตั้งแต่สมัยที่มาอยู่ย่านบางมดใหม่ๆ เพราะเป็นช่วงที่ประเทศไทยเข้าร่วมรบในสงครามพอดี ในยุคแรกท่านจะทำผ้ายันต์ ผ้าประเจียด เหรียญสตางค์รู แจกให้ลูกศิษย์ มีผู้นำไปใช้แล้วเกิดประสบการณ์ต่างๆ เช่น คงกระพัน ถูกยิงถูกฟันไม่เข้า แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ จนมีผู้คนมาขอของท่านมากขึ้น ท่านจึงได้สร้าง พระปิดตาเนื้อตะกั่ว พญาครุฑเนื้อผงผสมดิน และ พระพิมพ์เนื้อผงผสมดิน พิมพ์ต่างๆ ซึ่งล้วนได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

สำหรับวัตถุมงคลประเภทเหรียญที่หลวงพ่อปลุกเสก และเป็นที่แสวงหากันมาก จนมีราคาเช่าหาสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ

๑.เหรียญรุ่นแรก สร้างเป็นที่ระลึกเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ เป็นเหรียญรูปทรงกลม ด้านหน้ารูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์สวัสดิกะ อันเป็นยันต์ประจำตัวของท่าน รอบๆ ขอบด้านหลัง มีคาถาที่หลวงพ่อมักให้ศิษย์ท่องจำเอาไว้เสมอ เพราะมีพุทธคุณดีในหลายๆ ด้าน คือ คาถา “อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง” นับเป็นคาถาที่ศิษย์หลวงพ่อโอภาสีทุกคนท่องจำจนขึ้นใจ เหรียญรุ่นนี้มีจำนวนการสร้างไม่แน่ชัด สร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงอย่างเดียว ด้านหน้ามีแม่พิมพ์เดียว ด้านหลังมี ๓ แม่พิมพ์ เหมือนๆ กัน ต่างกันที่ขนาดยันต์ตรงกลาง และตัวหนังสือเท่านั้น

๒.เหรียญรุ่น ๒ สร้าง พ.ศ.๒๔๙๖ เป็นเหรียญที่สร้างจำนวนน้อย และมักพบในย่านบางมดเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาวสวนรุ่นเก่า นิยมใส่เหรียญนี้กันมาก โดยกล่าวตรงกันว่า ดีทางป้องกันเขี้ยวจากงูพิษ มีผู้ถูกงูพิษกัดแต่ไม่เข้า เรื่องนี้เล่าลือกันมาก เท่าที่เคยพบ เหรียญรุ่นนี้มีเนื้อทองแดง และเนื้อเงิน (มีน้อยมาก) ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ มีพญานาคคู่ และตัว “อ” รัศมี ย่อมาจากชื่อของหลวงพ่อ

๓.เหรียญรุ่น ๓ สร้าง พ.ศ.๒๔๙๗ มี ๒ รูปแบบ ที่รู้จักและพบกันบ่อยๆ เป็นเหรียญด้านหน้าหลวงพ่อหันข้าง ด้านหลังเป็นรูปศาลา ตรงกลางเป็นพญาครุฑ ด้านล่างบอกปี พ.ศ.ที่สร้าง มีทั้งแบบด้านหลังที่เรียกว่า พิมพ์มีราวบันได และ พิมพ์ไม่มีราวบันได (ดูที่เส้นตั้งตรงที่ลูกรงบันไดทางเดินขึ้นศาลา) เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อนำไปแจกที่บ้านเกิดของท่านด้วย คือ จ.นครศรีธรรมราช จำนวนมาก พบเห็นเฉพาะเนื้อทองแดง เพียงอย่างเดียว มีทั้งแบบรมดำและไม่รมดำ

๔.เหรียญรุ่นสุดท้าย เป็นเหรียญรูปพญาครุฑแบกเสมา สร้าง พ.ศ.๒๔๙๘ เหรียญรุ่นนี้สร้างจำนวนมาก ชาวบ้านในพื้นที่บางมดนิยมกันมาก เพราะหลวงพ่อได้กำชับให้เอาไว้ติดตัว พร้อมกับบอกเป็นนัยๆ ว่าเป็นรุ่นสุดท้ายของท่าน หลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อก็มรณภาพ เหรียญรุ่นนี้พบเห็นเฉพาะเนื้อทองแดงรมดำและไม่ได้รมดำ นอกจากนี้ยังมีเนื้อเงิน แต่มีจำนวนสร้างน้อยหายากมาก 

ตลอดเวลาที่ท่านพำนักอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ลูกศิษย์จะเห็นว่า หลวงพ่อนับถือเลื่อมใส องค์พญาครุฑ และ องค์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ หรือเสด็จพ่อ ร.5 เป็นอย่างยิ่ง 

เหรียญหลวพ่อโอภาสี ทุกรุ่น นับเป็นวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณสูง น่าบูชาติดตัวเป็นอย่างยิ่ง เช่นเหรียญรุ่นแรก จัดเป็นเหรียญยอดนิยมอันดับต้นๆ ของวงการพระ มีราคาสูง เหรียญของท่านบูชาแล้วจะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมกันมาก ร่ำลือว่าดียิ่งนักในเรื่องค้าขายรุ่งเรือง รวมถึงเรื่องแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มีเรื่องราวให้ได้ยินมาเนิ่นนาน นับเป็นเหรียญพระเครื่องชั้นยอดที่น่าศรัทธาเชื่อถือ บูชาติดตัวได้อย่างมั่นใจในอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

บารมีแห่งพญาครุฑ สู่ความเจริญรุ่งเรืองแห่งชีวิต ตำนานพญาครุฑ ในตำนานเมืองฟ้าป่าหิมพานต์นั้นมีเรื่องราวของสัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายหลายชนิดเช่น ราชสีห์ คชสีห์ อันมีลำตัวเป็นสิงห์แต่มีศีรษะเป็นช้าง กินรี กินนรและสัตว์แปลก ๆ อีกมากมาย ในบรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้นมีสองอย่างที่นับว่าเป็นเทพเดรัจฉานมีฤทธิ์มากคือ หนึ่งเป็นพญานาคราชจ้าวแห่งบาดาล และอีกหนึ่งคือพญาครุฑจ้าวแห่งเวหา นาคและครุฑต่างเป็นสัตว์ที่คู่กันตามตำนาน มีเรื่องราวเล่ากันว่าสัตว์กายสิทธิ์ทั้งสองนี้มีบิดาเดี่ยวกันคือมหาฤาษีกัสยปะเทพบิดรแต่คนละแม่โดยพญาครุฑนั้นมีมารดาเป็นภรรยาหลวง ส่วนนาคนั้นมีแม่เป็นภรรยาคนรอง นางทั้งสองนี้ไม่ถูกกันมีเรื่องกันตลอดจนในที่สุดความผิดใจกันนี้ลามไปถึงลูกของตนด้วย จึงเป็นเหตุให้นาคและครุฑไม่ถูกกันในเวลาต่อมา พญานาคนั้นมีวิมานอันเป็นทิพย์อยู่ในบาดาล ส่วนครุฑก็มีวิมานทิพย์อยู่ที่เชิงเขาไกรลาส กล่าวว่าองค์พญาครุฑนั้นมีนามว่าท้าวเวนไตย เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวสุบรรณ มีกายเป็นรัศมีสีทองมีเดชอำนาจมากที่สุดในหมู่ครุฑทั้งหลายอาศัยเกาะอยู่ตามต้นงิ้ว อาศัยผลงิ้วและน้ำดอกไม้จากต้นงิ้วเป็นอาหารทิพย์ ลูกพญาครุฑจะโตขึ้นนับเวลาอายุเป็นข้างขึ้นข้างแรมตามจันทรคติ เติบโตด้วยบุญกุศลที่เคยทำมา หากลูกครุฑตนใดที่มีบุญญาธิการมามาก อำนาจบุญจะบันดาลให้เกิดผลงิ้วทิพย์และน้ำหวานจากดอกไม้มาบำเรอลูกครุฑตนนั้น ๆ และลูกครุฑตนดังกล่าวจะจำเริญวัยได้อย่างรวดเร็ว ครุฑเป็นสัตว์กึ่งโอปปาติกะ หรือกึ่งพวกกายทิพย์คล้ายชาวลับแลและพวกพญานาคอยู่อีกมิติหนึ่งจากโลกของเรา ผู้ที่จะสามารถพบเห็นครุฑได้ต้องเคยมีบุญร่วมกับพวกเขามาจึงสามารถรับรู้ถึงกันและกันได้ เหมือนกับผู้ที่สามารถติดต่อกับพญานาคได้ก็เช่นกันล้วนต้องเป็นผู้ที่มีวาสนาต่อกันมาตั้งแต่อดีตทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องสาธารณะที่จะรู้กันได้ทั่วไปเช่นเรื่องสามัญ เรื่องของครุฑเป็นเรื่องราวที่มีความอัศจรรย์โลดโผนยิ่งกว่าเรื่องราวของพญานาคเสียด้วยซ้ำไป แต่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้กันเพราะไม่ได้ศึกษาและอาจไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก ความเป็นจริงแล้วเรื่องครุฑเป็นเรื่องที่น่าศึกษามาก เพราะทางฮินดูเขานับถือครุฑว่าเป็นเทพเจ้าสำคัญพระองค์หนึ่ง แม้ในทางไทยเราเอง ทางไสยศาสตร์ก็ให้ความนับถือเกี่ยวกับครุฑนี้มาก ดูอย่างตราแผ่นดินเองก็มีรูปลักษณะเป็นครุฑ จึงน่าสนใจว่า "ครุฑ" นั้นคงมีอานุภาพบางอย่างและน่าจะเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในอีกมิติหนึ่งเช่นเดียวกันกับพญานาค ถ้าท่านเชื่อว่าพญานาคมีจริง พญาครุฑก็ย่อมมีจริงเช่นกัน พลังอำนาจที่เทียบเท่า พระผู้เป็นเจ้า อำนาจของพญาครุฑนั้นท่านว่าลึกลับมากนัก ในตำนานของฮินดูกล่าวว่าตั้งแต่แรกเกิดมานั้นพญาครุฑก็มีรัศมีกายที่สว่างไสวเป็นที่อัศจรรย์ ส่อให้รู้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการ มีอานุภาพเป็นอเนกอนันต์ มีฤทธิ์วิชาผาดโผนพิสดารทั้งนี้มีเรื่องกล่าวไว้อีกว่าครั้งหนึ่งพญาครุฑเคยลองฤทธิ์กับองค์พระนารายณ์มหาเทพหนึ่งในสามของทางศาสนาพราหมณ์ การรบกันนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั้งสามโลกธาตุ พญาครุฑสามารถต่อสู้ด้วยความสามารถ รบกันไปเท่าใดก็หาแพ้ชนะกันไม่ จนในที่สุดพระนารายณ์และพญาครุฑจึงตกลงกันว่าขอให้เสมอกันในการรบระหว่างเราและท่าน พระนารายณ์อนุญาตให้พญาครุฑสามารถอยู่เหนือเศียรตนได้ และพญาครุฑก็นอบน้อมโดยการยินยอมให้พระนารายณ์สามารถนำตนเป็นพาหนะไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้เช่นกัน จึงถือกันในหมู่ครูบาอาจารย์กันต่โบราณว่า "พญาครุฑ" เป็นเทพเดรัจฉานที่มีอานุภาพอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าอย่างพระนารายณ์

อานุภาพของครุฑจึงเป็นที่อัศจรรย์ของทั่วโลกธาตุ นอกจากนี้ยังมีประวัติอีกว่ารพระอินทร์เองก็เคยลองฤทธิ์กับพญาครุฑใช้วัชระฟาดพญาครุฑ แต่องค์พญาครุฑเป็นกายสิทธิ์หาได้เป็นอันตรายแต่อย่างใดไม่ พระอินทร์พยายามอยู่หลายทางก็ไม่สามารถทำอันตรายแก่องค์ครุฑได้ จนพระอินทร์มีความเคารพในอานุภาพของพญาครุฑว่ามีฤทธิ์เดชเทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าจริงในที่สุดพญาครุฑจึงได้สลัดขนตนเองออกมาหนึ่งเส้นให้แก่พระอินทร์เพื่อเป็นเกียรติแก่พระอินทร์ด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าตามตำนานที่กล่าวมา "พญาครุฑ" เป็นเทพเดรัจฉานที่มีฤทธิ์ที่ไม่ธรรมดา ๆ เลยมีอานภาพมาก ด้วยเหตุนี้ครูบาอาจารย์ที่รู้จักศาสตร์ของครุฑเป็นอย่างดีจึงนำเอาสัญลักษณ์เกี่ยวกับครุฑ รูปครุฑต่าง ๆ มาทำสมาธิบูชาเพื่อให้เกิดอิทธิพลังงานอันลี้ลับ ทั้งนี้เพื่อการปกป้องคุ้มครองบ้าง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองบ้าง ดังที่เราจะได้เล่าให้ท่านทราบต่อไป สัญลักษณ์ครุฑ สัญลักษณ์แห่งแผ่นดิน โดยสรุปจากตำนานแล้วครุฑคือสัตว์หิมพานต์อย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่สัตว์สามัญธรรมดา เพราะพญาครุฑเป็นสัตว์กึ่งเทพ เรียกว่า "เทพเดรัจฉาน" ซึ่งมีอำนาจเทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพาหนะของพระนารายณ์อย่างหนึ่งในเมืองไทยเรานับถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพ เป็นองค์นารายณ์อวตารจึงมีการใช้ธงรูปครุฑ และมีครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำแผ่นดิน สามารถพบเห็นรูปครุฑได้จากเอกสารต่าง ๆ ของทางราชการ และนับว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นเอกสารศักดิ์สิทธิ์ หากราชการผู้ที่ทำหน้าที่ผู้ใดมีความสุจริตจงรักภักดีต่อแผ่นดิน องค์พระมหากษัตริย์ และหน้าที่ของตน องค์พญาครุฑก็จะส่งพลังปกป้องให้มีความสุข ความเจริญในหน้าที่ นอกจากนี้ยังมีเกร็ดความเชื่อว่าหากที่ใดมีอาถรรพ์แรงท่านให้นำเอาตราครุฑไปติดจะทำให้อาถรรพ์นั้นเสื่อมสลายไปในที่สุด ตราครุฑล้างอาถรรพ์ได้จึงเป็นที่เชื่อถือกันมาตลอดและได้รับความเคารพบูชาว่าเป็นของสูง เสมือนหนึ่งตัวแทนแห่งองค์พระประมุข ผู้ใดมีสัญลักษณ์ครุฑ รูปครุฑบูชาไว้ย่อมได้อานิสงส์มาก อาทิ มีความเจริญแก่ตัวเองและครอบครัวเป็นต้น ดังนี้
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบางคอแหลม ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านร้านบุญโต
ร้านบุญโต
ร้านบุญโตพระเครื่อง แหล่งรวมวัตถุมงคล ที่ได้รับความนิยม และได้มาตราฐานสากล พร้อมบูชา และรับประกันความแท้ตลอดชีพทุกองค์ครับ รับประกันความแท้ตามหลักสากล ลูกค้าสามารถส่งตรวจสอบความแท้ได้ทุกสถาบันที่รับการตรวจสอบ (ที่ลูกค้ามั่นใจ) หากพบว่าไม่แท้ สามารถนำใบรับรองนั้นมารับเงินคืน ได้เต็มจำนวนโดยไม่มีการหักใดๆทั้งสิ้น **เงินท่านแท้ทุกที พระที่ออกจากทางร้านก็ต้องแท้ทุกที่เช่นกัน ** ยินดีให้บริการด้วยความซื่อสัตย์ รับผิดชอบทุกกรณี.....
เบอร์โทร : 091-4242-499
อีเมล : jakrapan_b@yahoo.co.th
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม